เทคนิคการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับ
ทุนสนับสนุน
ฝ่ายวิจัยฯ
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ได้จัดโครงการเสวนาเพื่อการจัดการความรู้ เรื่อง
“เทคนิคการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยเพื่อขอรับทุนสนับสนุน”
ผลการเสวนาได้ข้อสรุปเพื่อเป็นแนวปฏิบัติสำหรับคณาจารย์และนักวิจัย ดังนี้
๑. มีการวางแผนการเตรียมความพร้อมการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย๒. ชื่อข้อเสนอโครงการวิจัยมีความน่าสนใจ
ชัดเจน สอดคล้อง และตอบสนองต่อความจำเป็น หรือตอบสนองประเด็นยุทธศาสตร์ของชาติ
(วช.)๓. ควรเขียนโครงการวิจัยเพื่อขอรับทุนสนับสนุน
ในรูปแบบชุดแผนงานวิจัย ที่มีโครงการวิจัยย่อย และเป็นโครงการต่อเนื่อง ตั้งแต่ ๒
ปีขึ้นไป
๔. โครงการวิจัยควรมีความร่วมมือระหว่างเครือข่ายหรือหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแบบสหสาขาวิชาชีพ เช่น หน่วยงาน สถาบัน องค์กรวิชาชีพ โรงพยาบาล เทศบาล สำนักงานสาธารณสุข และชุมชน เป็นต้น๕. โครงการย่อยควรดำเนินการเป็นระยะ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ๑) การเตรียมการ ๒) การสำรวจข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ๓) การวิเคราะห์ประเด็นปัญหาจากฐานข้อมูลเบื้องต้น ๔) การระดมสมองเพื่อหาแนวทาง/กิจกรรมการพัฒนาและแก้ไขประเด็นปัญหา ๕) ดำเนินการพัฒนา/ปรับปรุง/แก้ไข ๖) การวัดผลสำเร็จ และ ๗) การเขียนรายงานและเผยแพร่ผลการวิจัย๖. ทำการศึกษาวิจัยในเขตพื้นที่ที่ผู้วิจัยหรือทีมวิจัยมีความรู้ และเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา เช่น ในภาคตะวันออก เป็นต้น๗. เขียนความสำคัญของปัญหาให้ชัดเจน มีความเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผล สอดคล้องกับชื่อเรื่อง และวัตถุประสงค์การศึกษา๘. มีขั้นตอน ระเบียบวิธีวิจัย และกระบวนการทำวิจัยที่ถูกต้อง กระชับ ชัดเจน และตอบวัตถุประสงค์การวิจัยครบถ้วน๙. ระบุกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสมกับเรื่องที่ศึกษาและมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการวิจัยได้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา๑๐. การทบทวนวรรณกรรม ควรค้นคว้า ศึกษา รวบรวม ประมวลและสังเคราะห์ผลงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทําวิจัย จากแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นแหล่งปฐมภูมิ๑๑. ระบุเครื่องมือที่จะใช้ในการวิจัยให้ชัดเจน รวมทั้งที่มาและคุณภาพของเครื่องมือการวิจัย๑๒. ระบุสถิติที่จะใช้ให้เหมาะสม และสอดคล้องวัตถุประสงค์/ คำถามการวิจัย
ควรมีนักวิจัยหน้าใหม่เป็นผู้ร่วมวิจัยด้วย เพื่อส่งเสริมการสร้างนักวิจัย๑๓. การนิยามศัพท์ ควรให้ความหมายคำเฉพาะที่ใช้ในการวิจัยให้ถูกต้อง เข้าใจ และมีความหมายตรงกัน๑๔. ประโยชน์ที่จะได้รับจากการวิจัยควรเกิดผลกระทบทางบวกต่อสังคม ชุมชน และ/ หรือประเทศชาติในวงกว้าง รวมทั้งมีแผนการถ่ายทอดสู่กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
๔. โครงการวิจัยควรมีความร่วมมือระหว่างเครือข่ายหรือหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแบบสหสาขาวิชาชีพ เช่น หน่วยงาน สถาบัน องค์กรวิชาชีพ โรงพยาบาล เทศบาล สำนักงานสาธารณสุข และชุมชน เป็นต้น๕. โครงการย่อยควรดำเนินการเป็นระยะ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ๑) การเตรียมการ ๒) การสำรวจข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ๓) การวิเคราะห์ประเด็นปัญหาจากฐานข้อมูลเบื้องต้น ๔) การระดมสมองเพื่อหาแนวทาง/กิจกรรมการพัฒนาและแก้ไขประเด็นปัญหา ๕) ดำเนินการพัฒนา/ปรับปรุง/แก้ไข ๖) การวัดผลสำเร็จ และ ๗) การเขียนรายงานและเผยแพร่ผลการวิจัย๖. ทำการศึกษาวิจัยในเขตพื้นที่ที่ผู้วิจัยหรือทีมวิจัยมีความรู้ และเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา เช่น ในภาคตะวันออก เป็นต้น๗. เขียนความสำคัญของปัญหาให้ชัดเจน มีความเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผล สอดคล้องกับชื่อเรื่อง และวัตถุประสงค์การศึกษา๘. มีขั้นตอน ระเบียบวิธีวิจัย และกระบวนการทำวิจัยที่ถูกต้อง กระชับ ชัดเจน และตอบวัตถุประสงค์การวิจัยครบถ้วน๙. ระบุกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสมกับเรื่องที่ศึกษาและมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการวิจัยได้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา๑๐. การทบทวนวรรณกรรม ควรค้นคว้า ศึกษา รวบรวม ประมวลและสังเคราะห์ผลงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทําวิจัย จากแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นแหล่งปฐมภูมิ๑๑. ระบุเครื่องมือที่จะใช้ในการวิจัยให้ชัดเจน รวมทั้งที่มาและคุณภาพของเครื่องมือการวิจัย๑๒. ระบุสถิติที่จะใช้ให้เหมาะสม และสอดคล้องวัตถุประสงค์/ คำถามการวิจัย
ควรมีนักวิจัยหน้าใหม่เป็นผู้ร่วมวิจัยด้วย เพื่อส่งเสริมการสร้างนักวิจัย๑๓. การนิยามศัพท์ ควรให้ความหมายคำเฉพาะที่ใช้ในการวิจัยให้ถูกต้อง เข้าใจ และมีความหมายตรงกัน๑๔. ประโยชน์ที่จะได้รับจากการวิจัยควรเกิดผลกระทบทางบวกต่อสังคม ชุมชน และ/ หรือประเทศชาติในวงกว้าง รวมทั้งมีแผนการถ่ายทอดสู่กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
การเผยแพร่ :
๑. แจกจ่ายเอกสารสรุปเนื้อหาการเสวนา
ยังคณาจารย์ทุกท่านของคณะพยาบาลศาสตร์ และผู้บริหาร คณาจารย์ และนักวิจัย จากกลุ่มเครือข่ายวิทยาศาสตร์สุขภาพและเทคโนโลยี
สรุปผลการดำเนินกิจกรรมในแฟ้มการจัดการความรู้
ฝ่ายวิจัยฯ คณะพยาบาลศาสตร์ สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายวิจัยฯ ห้อง N๑๐๑ หรือ โทร. ๒๘๒๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น